วันพุธ, 4 ธันวาคม 2024 | 12 : 09 am
วันพุธ, 4 ธันวาคม 2024 | 12:09 am

“เจ๊หมวยบิวตี้ช็อป” เปิดโมเดลใหม่ “JM Cosmetics” ขยายบิวตี้สโตร์จากโลคอล บุกตลาดกรุงเทพฯ ครั้งแรก ปักหมุด “ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต” ดึงกำลังซื้อ โซนกรุงเทพเหนือฯ มั่นใจ “หน้าร้านเครื่องสำอาง” ยังเติบโตได้สวย

• JM Cosmetics ธุรกิจบิวตี้สโตร์แตกไลน์จากหน้าร้านสุดฮอตโซนอีสาน “ขึ้นห้างใหญ่ครั้งแรก” ชูหมัดเด็ดมัดใจคนกรุง “Wholesale – Retail ทุกไอเท็มราคาเข้าถึงได้ พร้อมไฮไลต์อาณาจักร คสอ. แบบซอง” สร้างจุดหมายความงามแห่งใหม่เพื่อกลุ่มนักศึกษา วัยทำงาน และธุรกิจรายเล็ก

21 ตุลาคม 2567 – บริษัท เจเอ็ม คอสเมติคส์ (ไทยแลนด์) จํากัด ผู้ดำเนินธุรกิจ “เจ๊หมวยบิวตี้ช็อป” ร้านจำหน่ายเครื่องสำอางครบวงจรยอดนิยมของโคราช ขอนแก่น และมหาสารคาม แตกไลน์ธุรกิจสู่พื้นที่เมืองครั้งแรกกับโมเดลใหม่ JM Cosmetics โดยปักหมุดฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เป็นสาขาแรกกับพื้นที่กว่า 490 ตารางเมตร รวมแบรนด์เครื่องสำอางหลากหลายประเภทกว่า 1,000 แบรนด์ เสิร์ฟความงามให้กลุ่มนักศึกษา วัยทำงาน และธุรกิจรายเล็กโดยชูจุดเด่นของไอเทมสินค้าที่มีราคาที่จับต้องได้ ผสมผสานการขายสินค้าทั้งแบบขายปลีกและขายส่ง และอาณาจักรสินค้าแบบซองเพื่อให้กลุ่มลูกค้าได้มีโอกาสทดลองโปรดักส์หลากประเภท ทั้งนี้ ตั้งเป้ายอดขายต่อเดือนที่ 15 ล้านบาท และเล็งโอกาสขยายสาขาสู่พื้นที่เมืองเพิ่มเติมในอนาคต

นางอุมาพร ราษฎร์วิรุฬห์กิจ ประธานกรรมการบริษัท เจเอ็ม คอสเมติคส์ (ไทยแลนด์) จํากัด เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเครื่องสำอางยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่โตสวนกระแส สภาพเศรษฐกิจ ส่งผลให้ทั้งโปรดักส์ สโตร์/ หน้าร้านจำหน่ายเครื่องสำอาง รวมทั้งช่องทางการค้าออนไลน์มีการขยายตัว และมีการแข่งขันที่รุนแรงตั้งแต่ในมิติของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กิจกรรมทางการตลาด การเกิดขึ้นของธุรกิจใหม่ทั้งในเชิงสินค้าและการบริการ ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าทั้งในระดับเมืองและภูมิภาคธุรกิจนี้ยังคงจัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ผู้บริโภคยินยอมจ่าย จากแรงจูงใจการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น การท่องเที่ยว การพบปะสังสรรค์ รวมทั้งกระแสการให้ความสำคัญกับด้านภาพลักษณ์ที่ในชีวิตประจำวันต้องดูดีอยู่เสมอ

ทั้งนี้ บริษัท เจเอ็ม คอสเมติคส์ เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับอานิงส์และเติบโตตามด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการเข้ามาของช่องทางออนไลน์ แต่บริษัทฯยังคงมีสัญญาณบวกทั้งในเชิงรายได้ ที่ในปี 2566 เติบโตจากปี 2565 มากกว่า 30% การขยายสาขา การเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นฐานลูกค้าประจำทั้งที่เป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไป แม่ค้า ผู้ประกอบการ กลุ่มลูกค้าใหม่ที่มาจากหลากหลายเจเนอเรชัน โดยมีโลเคชันหลักคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีการเติบโตได้ดีภายใต้โมเดลธุรกิจ “เจ๊หมวยบิวตี้ช็อป” ธุรกิจร้านจำหน่ายเครื่องสำอางครบวงจรกว่า 12 สาขา ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา 9 แห่ง ขอนแก่น 2 แห่ง และมหาสารคาม 1 แห่ง จุดเด่นของร้านคือมีการผสมผสานทั้งความเป็น Wholesale ที่ให้บริการขายส่งสินค้าในจำนวนที่ไม่มากชิ้น และรูปแบบของ Retail ซึ่งเป็นการจัดจำหน่ายในรูปแบบค้าปลีก นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นคือความเป็น Multi Brands มีสินค้าจากหลายแบรนด์ ตั้งแต่ราคาระดับจับต้องได้ ระดับกลาง และระดับบน ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ครอบคลุ่มทั้งสินค้าด้านสุขภาพ ด้านความสวยความงาม อุปกรณ์เกี่ยวกับผม สินค้าจากต่างประเทศ และสินค้ากระแส โดยเฉพาะจากเทรนด์ใน Tiktok ทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการกับ เจ๊หมวยบิวตี้ช็อป ได้รับสินค้าอย่างครบครัน โดยไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มจากช่องทางออนไลน์

นางอุมาพร กล่าวเสริมว่า บริษัทยังคงมีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของธุรกิจเครื่องสำอางแบบหน้าร้านหรือบิวตี้สโตร์ เนื่องจากมีข้อได้เปรียบในด้านการสร้างประสบการณ์ที่ผู้บริโภคสามารถทดลองสินค้าได้แบบไม่จำกัด และในส่วนนี้ออนไลน์ยังไม่สามารถทดแทนได้ รวมทั้งการเข้าถึงสินค้าในทุกๆ ประเภทที่ลูกค้าสามารถทำได้ทันที ล่าสุดนี้จึงได้ขยายโมเดลจาก เจ๊หมวยบิวตี้ช็อปมาสู่ “JM Cosmetics” ในพื้นที่เมือง โดยเลือก “ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต” คอมเพล็กซ์และมิกซ์ยูสชั้นนำโซนเหนือของกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่แรก ซึ่งมีปัจจัยที่น่าสนใจคือมีฐานลูกค้าคล้าย ๆ กับที่โคราชทั้งลูกค้ากลุ่มนักศึกษา รวมไปถึงกลุ่มวัยทำงาน มิติทางด้านกำลังซื้อที่หลากหลายของคนหลายระดับ กลุ่มร้านเครื่องสำอางในพื้นที่โดยรอบที่ต้องการซื้อสินค้าในลักษณะราคาขายส่ง โดยยังมีความสะดวกเรื่องที่จอดรถหลักพันคัน การเดินทางที่เข้าถึงง่าย สินค้าและบริการที่ครบครันโดยเฉพาะในด้านไลฟ์สไตล์ซึ่งเป็นนัยสำคัญในการกระตุ้นกำลังซื้อสินค้าเครื่องสำอาง โดยคาดว่าจะมีลูกค้ามาช้อปต่อวันไม่น้อยกว่า 500 คน

JM Cosmetics ตั้งเป้าดึงฐานลูกค้า 3 กลุ่มคือ กลุ่มลูกค้านักศึกษา ลูกค้ากลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มธุรกิจรายเล็ก โดยเชื่อมั่นถึงความโดดเด่นของ JM Cosmetics ที่มีสินค้าในมีราคาที่จับต้องได้เมื่อเทียบกับบิวตี้สโตร์ ในตลาดกรุงเทพและปริมณฑลรวมถึงร้านค้าในช่องทางออนไลน์ ความโดดเด่นของดิสเพลย์ในการนำเสนอสินค้า รวมถึงมีสินค้าแบบซองหรือซาเช่ (Sachet) ในจำนวนมาก – หลากหลายแบรนด์ ซึ่งจากการศึกษาตลาดพบว่าลูกค้าที่กรุงเทพฯ ให้การตอบรับค่อนข้างดี และสินค้าเหล่านี้อาจหาซื้อได้ยากในบางช่องทาง โดยการจัดจำหน่ายสินค้าแบบ Sachet มีอานิสงส์ที่สำคัญคือมักจะนำไปสู่การซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ และคู่แข่งที่จัดจำหน่ายสินค้าประเภทนี้ไม่มาก โดยยังมีความโดดเด่นของระบบ Member เพื่อสะสมยอดซื้อเป็นส่วนลดท้ายบิล รวมถึงจับคู่สินค้า หรือสินค้า 1แถม1 และมีสินค้าราคาพิเศษที่ร้านใหม่ มีโปรโมชันลดกระหน่ำฉลองสาขาใหม่ยาวถึงสิ้นปี”

จากจุดเด่นต่าง ๆ ที่เจเอ็ม คอสเมติคส์ ตั้งใจนำเสนอและแข่งขันในตลาดเมืองกรุงครั้งแรกนี้ คาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี และจากอานิสงส์ของอุตสาหกรรมความงาม ทัศนคติ เทรนด์ทางด้านการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ยังมีแผนในการขยายสาขาในระดับภูมิภาคเพิ่มเติม โดยมองจังหวัดที่จะทำตลาดเพิ่ม อาทิ บุรีรัมย์, อุดรธานี, หนองคาย และอำเภอปากช่อง นครราชสีมา ส่วนในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลก็มีแผนขยายสู่ห้างสรรพสินค้า ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเน้นกลุ่มศูนย์การค้าชั้นนำที่อยู่ในพื้นที่ชานเมือง และพื้นที่ที่มีรอยต่อระหว่างความเป็นเมืองเดิมและเมืองที่กำลังขยายตัว ซึ่งในปี 2568 คาดว่าจะมีการขยายอีกอย่างน้อย 20 สาขาอย่างยั่งยืน นางอุมาพร กล่าวทิ้งท้าย