วันอังคาร, 4 พฤศจิกายน 2025 | 10 : 48 pm
วันอังคาร, 4 พฤศจิกายน 2025 | 10:48 pm

มาตรการแบนบุหรี่ไฟฟ้าเหลว ก่อปัญหาสังคม-ตลาดมืดพุ่ง ผู้ใช้เรียกร้องทางเลือกใหม่

มาตรการแบนบุหรี่ไฟฟ้าเหลว ก่อปัญหาสังคม-ตลาดมืดพุ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายแบนบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย หลังจากที่กลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าออกมาเรียกร้องให้ทบทวนมาตรการดังกล่าวซึ่งบังคับใช้นานนับทศวรรษ โดยระบุว่านโยบายนี้ไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการลดจำนวนผู้ใช้ แต่ยังเป็นชนวนให้ตลาดมืดเฟื่องฟู เกิดปัญหาทางสังคมอย่างกว้างขวางรวมทั้งการตีความคำแนะนำของ WHO แบบผิดๆ เพราะบุหรี่ไฟฟ้ายังขายได้อย่างถูกกฎหมายใน 91 ประเทศ กลุ่มผู้ใช้จึงเสนอให้รัฐบาลพิจารณาทางเลือกใหม่ในการควบคุมที่เหมาะสมกับสังคมไทยภายหลังที่องค์การอนามัยโลก เผยข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลก ผ่านรายงานแนวโน้มอัตราการใช้ยาสูบโลกในช่วงปี 2000–2024 และการคาดการณ์ในช่วงปี 2025–2030 (WHO global report on trends in prevalence of tobacco use 2000–2024 and projections 2025–2030) ระบุว่าทั่วโลกมีผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าถึงกว่า 100 ล้านคน โดยเป็นผู้ใหญ่ในประเทศรายได้สูงกว่า 86 ล้านคน และเยาวชนอายุ 13-15 ปี มากถึง 15 ล้านคน สำหรับในประเทศไทย ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2567 พบคนไทยใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 11.44 เท่า จากเดิม 78,742 คนในปี 2564 เป็น 900,459 ในปี 2567นายอาสา ศาลิคุปต แกนนำกลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) ระบุว่า “แม้ไทยจะบังคับใช้กฎหมายแบนบุหรี่ไฟฟ้ามานานกว่า 10 ปี แต่จำนวนผู้ใช้กลับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด สะท้อนถึงความล้มเหลวของนโยบายการแบนบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ได้ช่วยลดจำนวนผู้ใช้ ซ้ำยังผลักดันให้เกิดตลาดมืด การทุจริต และปัญหาสังคมในหมู่เด็กและเยาวชน ไม่มีการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดความเสี่ยงของการปนเปื้อนของสารเสพติด และอันตรายจากอุปกรณ์”“ปัญหาอยู่ที่ไทยมักอ้างอิงนโยบายของ WHO ในการควบคุมยาสูบตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ (FCTC) อย่างเคร่งครัด ถ้าให้เทียบก็เท่ากับเด็กดีแถวหน้าที่เชื่อฟังทุกอย่างไม่มีปากเสียง แต่สิ่งที่ทั้งไทยและ WHO มองข้ามเสมอคือยังมีผู้สูบบุหรี่อีกจำนวนมากที่ไม่อยากเลิกบุหรี่ ซึ่งคนเหล่านี้ควรได้รับคือโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลและผลิตภัณฑ์ที่มีอันตรายต่อสุขภาพที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่”

นายอาสา ย้ำว่า “ถ้าพิจารณาตามรายงานของ WHO จริง ๆ ก็จะเห็นว่ามี 91 ประเทศทั่วโลกควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่หน่วยงานสาธารณสุขไทยกลับอ้างเสมอว่าการแบนคือทางออกที่ดีที่สุดตามที่ WHO แนะนำ ในเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีงานประชุมระดับโลกของกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO FCTC) ที่ไทยจะมีผู้แทนจากฝั่งสาธารณสุขเข้าร่วมประชุมเป็นหลัก ผลที่ออกมาก็คงหนีไม่พ้นการเดินตามก้น WHO โดยไม่สนใจความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยและไม่รับฟังเสียงของผู้ใช้กว่า 1 ล้านคน”นายอาสา กล่าวทิ้งท้ายว่า “การที่ไทยยังคงยึดติดกับการแบนเป็นการเพิกเฉยต่อปัญหาจากบุหรี่ไฟฟ้าทั้งในด้านสังคมและสุขภาพที่เกิดขึ้นจริงในไทย ปัญหาการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม การควบคุมคุณภาพสินค้าไม่ได้ การลักลอบผสมสารเสพติด และการเข้าถึงของเด็กและเยาวชนผ่านช่องทางออนไลน์ก็จะยังคงอยู่ต่อไป ตราบใดที่ภาครัฐยังคงปฏิเสธที่จะเปิดทางเลือกในการควบคุมภายใต้กฎหมายที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคมไทย”