เสียงจากผู้บริโภค แย้งรายงานบุหรี่ไฟฟ้า สว. ไม่ยึดโยงประชาชนชี้ ข้อสงสัย 6 ประการของข้อเสนอ “Total Ban”
ตัวแทนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าตั้งข้อสงสัยที่มาของรายงานของคณะกรรมาธิการวุฒิสภาเกี่ยวกับการแบนบุหรี่ไฟฟ้า เผยมีแรงจูงใจแอบแฝง ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนและผลักดันผู้บริโภคเข้าสู่ตลาดมืดโดยไม่ยอมรับความจริง


นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า แกนนำกลุ่มลาขาดควันยาสูบ เฟซบุ๊กเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ออกมาแสดงความเห็นและตั้งข้อสังเกตต่อรายงานของคณะกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา ที่มีมติให้คงมาตรการห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด และถูกย้ำในรัฐสภาโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่มีความเห็นไปในทางเดียวกัน ว่ารายงานฉบับนี้มีจุดที่น่ากังวลหลายประการเกี่ยวกับข้อมูลด้านสุขภาพที่ถูกบิดเบือน และมีกลิ่นอายของการเมืองและวาระที่ซ่อนเร้นอย่างชัดเจน
นายอาสา กล่าวว่ารายงานฉบับนี้มีที่มาจากกลุ่มด้านสาธารณสุขกลุ่มหนึ่งร้องเรียนต่อวุฒิสภา ด้วยความพยายามที่จะหักล้างรายงานการศึกษาบุหรี่ไฟฟ้าของคณะกรรมาธิการวิสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ที่เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งสร้างความกังวลว่ารายงานของสว. ฉบับนี้อาจมีบทสรุปที่ชัดเจนอยู่แล้วตั้งแต่ต้น เห็นได้จากการประชุมเพื่อรวบรวมข้อมูลที่ใช้เวลาเพียง 7 ครั้งและเน้นหน่วยงานด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ขาดการมีส่วนร่วมจากผู้ได้รับผลกระทบทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ต่างจากการทำงานของ กมธ. วิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรที่ใช้เวลากว่า 1 ปีในการศึกษา พร้อมมีงานวิจัยประกอบการพิจารณามากมาย
“ข้อมูลส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ล้วนมาจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขฝ่ายเดียว โดยไม่มีการพิจารณาข้อมูลงานวิจัยที่น่าเชื่อถือจากทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านและยังสวนทางกับคำแนะนำของหน่วยงานงานสาธารณสุขในต่างประเทศเช่น National Health Service ของอังกฤษ หรือกระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ หรือแม้กระทั่ง อย. สหรัฐอเมริกา ทำให้รายงานขาดความสมดุลและไม่เป็นกลาง อีกทั้งการอ้างอิงกรณีศึกษาจากเพียง 5 ประเทศก็ไม่เพียงพอ ทั้งที่ปัจจุบันมีหลายประเทศปรับเปลี่ยนนโยบายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อจัดการปัญหาที่เกิดจากการใช้งานอย่างต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปอย่างไม่หวนกลับมาสู่การสูบบุหรี่มวนแบบเดิม กว่า 91 ประเทศทั่วโลกที่มีการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าด้วยกฎหมายแล้ว ซึ่งการศึกษาเชิงเปรียบเทียบที่ไม่ครบถ้วนทำให้ข้อสรุปขาดน้ำหนัก”
ตัวแทนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ายังได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาความล้มเหลวที่ถูกละเลยในรายงาน แม้รายงานจะยอมรับว่ากฎหมายปัจจุบันมีปัญหา แต่กลับเสนอให้คงการแบนไว้ ซึ่งอาจต่อยอดความล้มเหลวตลอดกว่า 10 ปีของการแบนที่ทำให้ตลาดมืดเติบโต การใช้บุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนที่เพิ่มขึ้น และมีผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจาก 70,000 คน เป็นเกือบ 1 ล้านคน
เสียงสะท้อนจากผู้บริโภคตั้งข้อสงสัยอย่างมีนัยสำคัญต่อที่มาของการผลักดันรายงานฉบับนี้ โดยเห็นว่าการนำเสนอและข้อสรุปของรายงานอาจมีแรงจูงใจที่แอบแฝง ไม่ได้สะท้อนเจตนารมณ์หรือความต้องการจริงของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ข้อมูลที่ใช้ในการจัดทำรายงานดูเหมือนจะมาจากกลุ่มสุขภาพหรือหน่วยงานฝ่ายเดียว ขาดการรับฟังเสียงจากผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงละเลยข้อมูลและหลักฐานจากงานวิจัยที่หลากหลายและคำแนะนำของหน่วยงานสาธารณสุขระดับสากล
นอกจากนี้ กระบวนการจัดทำรายงานยังถูกตั้งข้อสังเกตว่าเร่งรัดและไม่โปร่งใส โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลบางด้านมากเกินไป ขณะที่ความเห็นต่างหรือข้อเสนอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร กลับไม่ถูกนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง ส่งผลให้เกิดข้อกังขาว่าจุดยืนของรายงานอาจถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า และอาจมีแรงกดดันทางการเมืองหรือผลประโยชน์บางอย่างอยู่เบื้องหลังการผลักดันข้อเสนอ “Total Ban” นี้
“การคงมาตรการ Total Ban ไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืน แต่เป็นการผลักคนลงเหวโดยไม่มีทางเลือกซ้ำยังตกลงไปที่ตลาดมืดที่มีสินค้าที่ไม่มีมาตรฐาน ไม่มีใครตรวจสอบ และที่สำคัญคือเข้าถึงเยาวชนได้ง่ายกว่าที่คิดบนรูปแบบการขายใหม่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ต่อเนื่อง ถ้าเป้าหมายคือการปกป้องเยาวชนและควบคุมการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ การแบนไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เราเห็นผลลัพธ์ตลอดกว่า 10 ปีที่อยู่กับ Total Ban แล้วว่าไม่ใช่ทางออกที่ดีในการจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า เราควรหันมาใช้กฎหมายควบคุมอย่างเหมาะสม กำหนดมาตรฐานสินค้าที่ชัดเจน และจำกัดอายุผู้ซื้ออย่างจริงจัง เพื่อนำบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นสู่ตลาดถูกกฎหมายและสามารถควบคุมได้เหมือนกับสินค้าที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพประเภทอื่น ๆ สอดคล้องกับบริบททางสังคมในปัจจุบัน”