วันพุธ, 10 ธันวาคม 2025 | 2 : 02 am
วันพุธ, 10 ธันวาคม 2025 | 2:02 am

เสนอเร่งปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ให้มีอัตราเดียวหลังรัฐสูญรายได้กว่า 7 หมื่นล้าน

เสนอเร่งปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ให้มีอัตราเดียวหลังรัฐสูญรายได้กว่า 7 หมื่นล้าน

ล่าสุดกรมสรรพสามิตได้เผยแพร่ข่าวข้อเสนอการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ให้กระทรวงการคลังพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ภายในเดือน ธันวาคมนี้ หลังมีการศึกษามายาวนาน 

รองศาสตราจารย์ ดร. ภัทรกิตติ์ เนตินิยม ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์ ในฐานะนักวิชาการอิสระ ซึ่งได้เข้าร่วมรับฟังผลการศึกษางานวิจัยเรื่องภาษีสรรพสามิตบุหรี่ของกรมสรรพสามิตเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 และได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของกลุ่มเกษตรกรยาสูบพื้นที่จังหวัดสุโขทัย มีความเห็นว่า “การสร้างความชัดเจนของโครงสร้างภาษีบุหรี่มีความจำเป็นอย่างมากต่อกลุ่มเกษตรกรในฐานะผู้ผลิต ซึ่งรัฐบาลควรเร่งดำเนินการตามข้อเสนอแนะล่าสุดของกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลังที่จะปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่จาก 2 อัตราให้เป็นอัตราเดียวโดยเร็วที่สุด เพราะผลการศึกษายืนยันแล้วว่า โครงสร้างภาษีบุหรี่ตามมูลค่า 2 อัตรานั้น ไม่มีประสิทธิภาพทั้งด้านรายได้และผลกระทบโดยรวมทางด้านสาธารณสุข หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ คาดว่าจะทำให้รัฐสูญรายได้มากกว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยาสูบมีการเติบโตติดลบ กระทบกับกลุ่มเกษตรกรยาสูบตั้งแต่มีการใช้โครงสร้าง 2 อัตราในปี 2560 เป็นต้นมา” 

“โครงสร้างภาษีอัตราเดียวไม่ได้มีผลกระทบต่อบุหรี่ผิดกฎหมายหากมีการกำหนดอัตราภาษีที่เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ซึ่งในวันที่ได้เข้าร่วมรับฟังผลงานวิจัยทางกรมสรรพสามิตก็ได้รับทราบประเด็นดังกล่าวและรวมไว้ในผลการศึกษาอยู่แล้ว การปรับโครงสร้างภาษีเป็นอัตราเดียวในครั้งนี้จึงไม่น่ามีผลต่อการเพิ่มขึ้นของบุหรี่เถื่อน ในทางกลับกันบุหรี่เถื่อนเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการปรับภาษี 2 อัตรา โดยเฉพาะหลังเดือนตุลาคม 2564 ที่มีการปรับนโยบายภาษีบุหรี่ครั้งล่าสุด ซึ่งทำให้บุหรี่เถื่อนเพิ่มขึ้นสูงจากการที่รัฐบาลยุคนั้นยังคงเลือกที่จะคงโครงสร้างบุหรี่แบบ 2 อัตราไว้จนถึงปัจจุบัน”

รศ. ดร. ภัทรกิตติ์ ยังเสริมว่า “รายงาน WHO Report on the Global Tobacco Epidemic (2025) ได้เสนอแนะแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพของภาษียาสูบ โดยรวมถึงการตรวจสอบโครงสร้างภาษีที่ไม่เป็นมาตรฐานและการยกเว้นโครงสร้างภาษีที่เอื้อประโยชน์ให้ยาสูบบางประเภท จึงอาจอนุมานได้ว่าสำหรับประเทศไทย เรื่องสำคัญที่ต้องแก้ไขคือ โครงสร้างภาษียาสูบแบบหลายอัตรา (Multiple Tiers) ซึ่งเอื้อให้ตลาดยาสูบราคาถูกขยายตัว โดยรายงานของ WHO ยังคงพบปัญหานี้ใน 31 ประเทศ จาก 178 ประเทศ ซึ่งใช้ระบบภาษีหลายอัตรา ทำให้มาตรการภาษียาสูบไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการใช้ภาษีอัตราเดียวหรือที่เรียกว่า Uniform Tax Rate

นอกจากนี้ รายงาน WHO ยังได้ยกตัวอย่างประเทศปากีสถาน ซึ่งกำหนดภาษียาสูบมีความซับซ้อน เนื่องจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาสูบ โดยในปี 2556 ปากีสถานได้นำระบบภาษีสรรพสามิตบุหรี่แบบ 2 อัตรามาใช้ แม้รายได้ภาษีจะเพิ่มขึ้นในช่วงแรก แต่หลายปีต่อมารายได้ของรัฐบาลกลับลดลง ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ผู้ผลิตรายงานยอดผลิตสินค้าต่ำกว่าความจริง ทำให้ในปี 2560 รัฐได้กำหนดเพิ่มอัตราภาษีอีก 1 ชั้น รวมเป็นอัตราภาษี 3 อัตรา เพื่อลดภาษีให้กับบุหรี่ราคาถูก แต่มาตรการนี้กลับส่งผลเสีย ทำให้รายได้จากภาษียาสูบของรัฐบาลลดลงประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ในปี 2561 เพียงปีเดียว และเป็นเหตุให้ประเทศปากีสถานยุบรวมภาษี 3 อัตราจนเหลือ 2 อัตรา ในปี 2562” 

รองศาสตราจารย์ ดร. ภัทรกิตติ์ เนตินิยม จึงเสนอให้รัฐบาลเร่งตัดสินใจให้โครงสร้างภาษีบุหรี่ เป็นอัตราเดียว โดยไม่ควรรอรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้ง เพราะส่งผลต่อรายได้ของรัฐบาลจากภาษีบุหรี่สูญหายไปจำนวนมาก