นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) กล่าวถึง ร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ คณะรัฐมตรีมีมติเห็นชอบว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ เมื่อประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ในเร็วๆนี้
โดยเป็นกฎหมายที่จะช่วยแก้ปัญหา การหลอกลวงออนไลน์รวมถึงอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการระงับยับยั้งการโอนเงินผ่านบัญชีม้า ซึ่งต่อไป ผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีมา จะมีความผิดตามกฎหมายฉบับนี้ก็คือการรับจ้างเปิดบัญชีม้ามีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 300,000บาท และหากพบว่ามีการใช้บัญชีม้าในการโอนเงินของคนร้ายของมิจฉาชีพก็จะ สามารถอายัดบัญชีหยุดการโอนเงินทุกบัญชีที่เกี่ยวข้องที่โอนต่อไปเป็นทอดๆได้ ทั้งหมด
นอกจากนี้จะมีคณะกรรมการขึ้นมากํากับดูแลและออกนโยบาย และกําหนดว่า ลักษณะที่เป็นพฤติกรรมต้องสงสัยในการโอนเงิน ถ้าเข้าข่ายเป็นพฤติกรรมต้องสงสัยแล้วตรวจพบ ก็จะสามารถอายัดบัญชีและหยุดการทําธุรกรรมไว้ตรวจสอบได้เป็นเวลา 7 วัน ถ้าพบว่าทําถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่มิจฉาชีพก็จะปล่อยให้สามารถทําธุรกรรมต่อไปได้ แต่ถ้าพบว่าเป็นบัญชีที่มีปัญหา ก็จะสั่งปิดและดําเนินคดี การเพิ่มอํานาจตรงนี้จะทําให้ กระทรวงดีอีเอส สามารถป้องกันและแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ได้อย่างแน่นอน
ในกฎหมายก็จะมีการตั้งคณะกรรมการโดยนายกรัฐมนตรีมีอํานาจจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อมากําหนดนโยบายประสานงานกับทั้งเจ้าหน้าที่ตํารวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะแก้ปัญหานี้รวมถึงกําหนดบัญชีต้องสงสัย หรือพฤติกรรมต้องสงสัยที่จะระงับการทําธุรกรรมทางการเงิน
นายชัยวุฒิ ยังเปิดเผยด้วยว่านอกจาก การปราบปรามแก๊งเปิดบัญชีม้าแล้ว กฎหมายฉบับนี้ยังครอบคลุมถึงเรื่องของซิมม้า การใช้ซิมหรือการติดต่อผ่านมือถือ ต้องมีการลงทะเบียนตามที่ กสทช. กําหนด ซิมม้าหรือการเอาใช้ซิมอื่นมาใช้ ก็จะมีความผิดเหมือนกับการใช้บัญชีม้าก็ให้ระมัดระวัง ต้องเตือนประชาชน คนที่ไปเปิดบัญชีให้คนอื่นใช้หรือไปลงชื่อใช้ทะเบียนมือถือให้คนอื่นใช้ บัญชีม้าต่อไปมีความผิดทุกคนโทษจำคุก 3 ปีปรับไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งไม่คุ้มกับที่ไปรับจ้างได้เงินเพียง 500- 2,000 บาท แต่ต้องมาโดนปรับ 300,000 บาท จึงขอเตือนว่าให้พี่น้องประชาชนทุกคนไปที่ธนาคารไปแจ้งยกเลิกบัญชีที่ท่านไปรับจ้างเปิดไว้ไม่เช่นนั้นอาจจะมีความผิดถ้าตรวจพบในภายหลัง